สนใจร่วมงาน อ่านก่อนตัดสินใจ จากใจตัวแทนประกันรายได้หลักล้าน

ประกันสมัยนี้ไม่ยากเหมือนสมัยก่อน เครื่องมือออนไลน์เยอะ ไม่ต้องมานั่งประชุม Weekly Meeting ทำงานที่ไหนก็ได้ ถ้าใครสนใจก็ทักมาหลังไมค์นะคะ พี่นกยินดีให้คำปรึกษาค่ะ

❓ทำไมบางคนขายแล้วรวย
❓ทำไมบางคนขายแล้วจน แถมเพื่อนไม่คบ
❓ขายประกัน ขายอย่างไรให้รวย
❓ขายแบบไหนเข้าเนื้อ

เมื่อก่อนอาชีพขายประกัน จะถูกมองข้ามเสมอว่าเป็นอาชีพหลักลอยคอยงาน ไร้ซึ่งความมั่นคงใดๆ คนที่มาทำคือคนหมดหนทางทำมาหากินในอาชีพอื่นๆแล้ว ว่าซ่าน!!!!! พวกคุณคิดแบบนั้นกันไหมคะ

สาวๆ มาค่ะพี่นกจะเล่าอะไรให้ฟัง...

อาชีพก่อนมาเป็นตัวแทน

พี่นก จบปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ รุ่นที่1 จาก Assumption University (ABAC) เมื่อจบแล้ว อยากเป็นอาจารย์เลย บินไปเรียนต่อโทที่ London จบ M.Arch จาก University college London (UCL) เมื่อจบแล้ว กลับมาเป็น ผู้รับเหมาก่อสร้าง ค่ะ

อ่านไม่ผิดค่ะ เพราะคุณพ่อเข้าใจว่าพี่นกจบเป็นวิศวกร แกอยากทำก่อสร้างเพราะเพื่อนๆแก #รวย จากอาชีพนี้นักต่อนักค่ะ พี่นกก็ขัดใจไม่ได้ ต้องเลยตามเลยไปคุมพม่าก่อสร้างแทนค่ะ ตอนนั้นไปสอนไม่ไหวค่ะ เพราะการคุมงานก่อสร้าง หน้างาน แดดจัดๆ คุมผู้ชายพม่าประมาณ 400 กว่าคน เราจะอ่อนโยนไม่ได้ค่ะ แต่ด้วยใจรักการออกแบบ บวกกับไฟแรงเพราะเพิ่งจบ เลยรับงานออกแบบ หลังเลิกงานค่ะ จนเมื่อวันที่6 เมษายน 2550 ขณะขับรถกลับบ้าน พี่นกเกิดเหตุช่วงเช้าตรู่ค่ะ

...จุดหักเหในชีวิตเริ่มต้นตรงนี้ค่ะ

เฉียดตายครั้งแรก

วันนั้นรถตัวเองซ่อม เลยไปยืมรถคุณลุง ผู้ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนยางเลยตลอด10ปี (เราไม่รู้มาก่อนเลย) รถเลยยางแตกพร้อมกัน2เส้นด้านคนขับทั้งหน้าและหลังโชคดีคาดเข็มขัดนิรภัย จังหวะที่รถเสียหลักรถอยู่เลนซ้ายสุดและกำลังขึ้นสะพานข้ามคลองค่ะ พอรถเสียหลัก เราคุมพวงมาลัยไม่อยู่ แล้วมีรถกะบะ มาพุ่งเสยท้ายซ้ำเข้าไปอีกค่ะ

จังหวะนั้นคิดว่าตายค่ะ ไม่รอดแน่ ภาพตอนนั้น เหมือนในหนังเป๊ะเลยค่ะ หน้าพ่อแม่พี่น้อง หมา เพื่อนๆ สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ ทุกอย่างเฟรมต่อเฟรมเร็วมากค่ะ โชคดียังมีสติ นึกได้ว่าก่อนตายต้องนึกถึงสิ่งดีๆ เลยนึกถึงหน้าพระค่ะ นึกไม่ออกค่ะ เลยนึกถึงเจ้าแม่กวนอิม ช่วยลูกด้วยๆๆๆ เสียงดังปังงง ดังมาก รถหมุนจนไปฟาดกับตอม่อสะพานเลยหยุดค่ะ เราคิดว่าตาย แต่ลืมตาได้ เลยรู้แล้วว่าไม่ตาย แต่ป๊าเอาเราตายแน่!!!

ไม่มีประกัน = ไม่รักษา

ตอนนั้นยังมีสติค่ะ สำรวจตัวเองมีเลือดออกตรงสายนิรภัย หัวโน ฟันบิ่น เพราะไปโขกพวงมาลัยอย่างแรง มือถือหล่น ก้มลงไปหยิบขึ้นมา หยิบกระเป๋าแล้วเปิดประตูรถ กดมือถือเบอร์สุดท้ายที่โทรออกไป ก้าวขาออกไปจะไปดู พ้นประตูรถ ล้มฟุบลงไปเลยค่ะ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ไม่สลบ แต่พูดไม่ได้

โชคดีคนที่ป้ายรถเมล์มารับร่างไว้ทัน แล้ว คุยสายกับพี่สาวให้แทน ปอเต็กตึ้ง มารับค่ะ ใช่ค่ะได้เปิดประสบการณ์เดินทางโดยเก็บศพชื่อดัง ไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดค่ะ ตอนนั้น #ไม่ได้เข้ารักษานะคะ นอนรอการคอนเฟิร์มว่า เบิกอะไร ใช่ค่ะ ฟังไม่ผิด พี่นกนอนพะงาบๆๆ พูดไม่ได้ค่ะ นอนรอ จนอาการจุกที่หน้าอกคลาย แล้วกระซิบบอกว่า ชั้นมีประกันๆๆๆ ช่วยรักษาชั้นด้วย

เท่านั้นค่ะ จนท ก็เข็นรถเข้าห้องอะไร จำไม่ได้แล้วค่ะ ภาพตัด ลืมตามาอีกทีก็นอนที่ห้องพักฟื้นเลยค่ะ

หมอบอกว่า โชคดีกระดูกซี่โครงไม่หักทิ่มปอด เพราะเคสอุบัติเหตุหนักๆแบบนี้ ส่วนใหญ่ แรงรัดจากเข็มขัดนิรภัยจะรัดจนกระดูกหักแล้วไปทิ่มปอด นี่คือไม่มีอะไรแตกหัก มีแต่รอยช้ำ รอยสายเข็มขัดบาดเข้าเนื้อลึกพอสมควร หมอบอกให้ทำใจ ยังไงก็เป็นแผลเป็น ยังเป็นแผลเป็นจางๆจนทุกวันนี้ค่ะ

จ่ายเบี้ยทุกปี แต่เคลมไม่ได้

ตัวแทนประกันได้มาเยี่ยมค่ะ พร้อมแจ้งว่า เคลมไม่ได้นะครับ เพราะไม่ได้ซื้อนั่นโน้น นี่ ตอนนั้นคือช็อกมาก เพราะไม่คิดว่าจะเคลมไม่ได้ สรุปว่าชั้นซวยซ้ำซ้อนค่ะ แอบโมโหตัวเอง ว่าทำไมไม่ซื้ออะไรเพิ่มเพราะตัวแทนพยายามขายอะไรก็ไม่รู้ แต่เราไม่อยากได้

แต่แอบเอะใจว่า ที่บ้านส่งประกัน สามล้านหก จะไม่มีสักเล่มที่คุ้มครองเราเลยรึ? ทำไมภาษาประกัน มันเข้าใจยาก ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง? ทำไมฟังแล้วไม่เข้าใจ? ทำไมเคลมไม่ได้? มันใช่หรอ? แอบมีน้ำโห เลยคิดจะไปสอบเป็นตัวแทนเอง จะได้เข้าใจภาษาประกันสักที

อยากเป็นตัวแทนที่พูดรู้เรื่อง พูดภาษาคน ไม่ใช่ภาษาตัวแทนที่ท่องกันมา

ช่วงที่เดินไม่ได้พักฟื้นอยู่3เดือน ทำให้ได้คิดได้หลายอย่าง จากเหตุการณ์รอดตาย ได้ตระหนักคำว่า “โอกาส” หลายคน ทั้งชีวิตไม่เคยได้รับโอกาสอะไรเลย เรามีแต่กลับทิ้งขว้าง ไม่ได้สนใจ หรือตระหนักได้ว่ามันมีค่าแค่ไหน ในวันที่เรารอดตาย โอกาสในการใช้ชีวิตอีกครั้งนึง มันจึงมีคุณค่ามากมาย

เมื่อรอดตาย ได้โอกาสใช้ชีวิตอีกครั้ง พี่นกทำ 5 อาชีพ พร้อมๆ กันไปเลยค่ะ

สถาปนิกอิสระ
อาจารย์พิเศษ ที่ ABAC
Thesis Advisor ที่ ABAC
ผู้รับเหมา
ขายประกัน

การเป็นตัวแทนต้องไปสอบเป็นตัวแทนด้วยนะคะ เป็นอาชีพที่ 2 ต่อจาก สถาปนิกที่ต้องสอบเอาใบประกอบวิชาชีพ จำได้ว่า วันที่ 24 มิถุนายน 2550 สอบผ่าน ออกโค้ด และเริ่มขายค่ะ

ขายด้วยความเข้าใจลูกค้า ไม่ใช่จากความต้องการของเรา

ตอนนั้นตั้งใจทำทุกงานเต็มที่ และสนุกกับงานทุกงาน เหนื่อยแต่สนุกมากๆค่ะ จัดสรรเวลาได้ดีมากๆ ไปสอนหนังสือ ไปรับงาน ไปคุมงาน และขายประกัน เป็นอาชีพสุดท้ายค่ะ

ทำไปจน ช่วงเดือนมกราคมปี 2551 เอาบัญชีที่รายได้จากประกันโอนเข้ามา ไปอัพเดท มีเงินเข้า มาในบัญชีรวมๆ 7 หลักค่ะ มีเงินอยู่ในบัญชี ล้านกว่าบาท ตกใจ และงงมากค่ะว่า มาจากไหนมากมาย ใน 6 เดือนเองนะคะ เลยปิดห้องคุยกับหัวหน้าอีกที และนี่คือจุดเริ่มต้นที่สวยงามในอาชีพนี้ของนกค่ะ

จบเรื่องของพี่นกละ เข้าเรื่องดีกว่าค่ะ ขายอย่างไรถึงรวย

ก็อย่างที่บอกแหละค่ะ พี่นกไม่ได้หยิบค่าคอมมาดูเลย เอาลูกค้าเป็นหลัก ผลิตภัณฑ์เราดีจริงๆ เราอยากให้ลูกค้าใช้จริง มีแล้วชีวิตดีขึ้นจริงๆ

#เราทำงานด้วยใจไม่ใช่ด้วยเงิน ขายก็ไม่เหมือนขายค่ะ ลูกค้าก็กล้าบอกต่อ เพื่อนๆ พี่ๆ ตัวแทนที่เค้าประสบความสำเร็จกัน เป็นแบบนี้ทุกคนค่ะ ส่วนใหญ่อาชีพตัวแทนเป็นอาชีพที่สองที่สามกัน ขายแบบไม่กดดันลูกค้า เดี๋ยวนี้น้องๆนักศึกษาก็เข้ามาเป็นตัวแทนกันเยอะเพราะแบบนี้ ทำงานไม่กดดัน เรียนเป็นหลัก ประกันเป็นอาชีพฟีลเม้าๆ แนะนำ บอกต่อ ฟีลป้ายยา

ส่วนคนที่ขายแล้วล่ม เพื่อนไม่มอง คือคนที่เน้นค่าคอมเป็นหลัก เน้นเป้าแต่ละเดือน 📌ถ้าขายแบบนี้คือเห็นค่าคอมก่อนลูกค้า เจ๊งแน่นอน

เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าไม่ว่าง มีงานประจำ เรียนอยู่ ขอบอกเลยค่ะ ประกันคืออาชีพที่ควรทำ เพราะถ้าไม่มีแรงกดดันเรื่องเงิน จะทำได้ดีค่ะ ประกันสมัยนี้ไม่ยากเหมือนสมัยก่อน เครื่องมือออนไลน์เยอะ ไม่ต้องมานั่งประชุม Weekly Meeting ทำงานที่ไหนก็ได้ ถ้าใครสนใจก็ทักมาหลังไมค์นะคะ พี่นกยินดีให้คำปรึกษาค่ะ